ไม่นานมานี้ กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้บุกโจรกรรมกระสวยอวกาศขณะกำลังทะยานสู่อวกาศ โดยมีแผนทำลายล้างโลก เจมส์บอนด์ (โรเจอร์ มัวร์) สายลับมือหนึ่งจึงต้องเข้ามามีบทบาทในภารกิจนี้ เพื่อต่อสู้กับแผนการของกลุ่มคนร้ายและยับยั้งการกระทำที่อาจส่งผลกระทบต่อโลกและมนุษยชาติ เจมส์บอนด์ต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องโลกจากการทำลายล้างที่อาจเกิดขึ้นจากกลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้
เมื่อไม่นานมานี้กลุ่มผู้ก่อการร้ายได้ทำการบุกมาโจรกรรมกระสวยอวกาศไป ในขณะที่กระสวยอวกาศลำนั้นกำลังทะยานขึ้นสู่อวกาศ ซึ่งในแผนการครั้งนี้กลุ่มผู้ก่อการร้ายต้องการที่จะทำทุกอย่างเพื่อหาทางทำลายล้างโลกใบนี้ให้ได้ จึงทำให้สุดยอดสายลับมือหนึ่งอย่าง เจมส์ บอนด์ (โรเจอร์ มัวร์) จะต้องเข้ามาอยู่ร่วมในภารกิจครั้งนี้ เพื่อหาทางยับยั้งไม่ให้แผนการของกลุ่มคนร้ายได้ดำเนินไปอย่างสำเร็จ อีกทั้งเจมส์บอนด์ยังต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องโลกและมวลมนุษยชาติทั้งหมดนี้เอาไว้
บทนำของ “Moonraker”
"เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 11: พยัคฆ์ร้ายเหนือเมฆ" หรือ "Moonraker" เป็นภาพยนตร์ที่ออกฉายในปี 1979 โดยมีการผสมผสานความตื่นเต้นและความโรแมนติก นำแสดงโดย โรเจอร์ มัวร์ ในบทบาทของ เจมส์ บอนด์ ภาพยนตร์นี้ถือเป็นหนึ่งในภาคที่ได้รับความนิยมที่สุดของแฟรนไชส์และยังคงถูกพูดถึงอย่างต่อเนื่องในวงการภาพยนตร์ วันนี้เราจะสำรวจเหตุการณ์และสิ่งที่ทำให้ Moonraker เป็นผลงานที่ไม่ควรพลาด
ข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์
- ชื่อภาพยนตร์: เจมส์ บอนด์ 007: พยัคฆ์ร้ายเหนือเมฆ (Moonraker)
- ผู้กำกับ: Lewis Gilbert
- วันที่เข้าฉาย: 26 มิถุนายน 1979
- นักแสดงนำ:
- โรเจอร์ มัวร์ (James Bond)
- เลียห์ ไอแซจ (Holly Goodhead)
- ไมเคิล ลอง (Hugo Drax)
- เจฟฟรีย์ ไบลค์ (Sir Frederick Gray)
- เรตติ้ง: 6.2/10 (IMDb)
เนื้อเรื่องสั้นๆ
"Moonraker" เปิดเรื่องด้วยการโจรกรรมกระสวยอวกาศที่ถูกขโมยไปโดยกลุ่มผู้ก่อการร้าย ภารกิจของเจมส์ บอนด์คือการติดตามหาตัวคนร้าย และหยุดยั้งแผนการอันตรายที่จะนำไปสู่การทำลายล้างโลก เจมส์ บอนด์ต้องเดินทางข้ามทวีป ทั้งจากอังกฤษ ไปยังบราซิล จนถึงอวกาศ เพื่อเอาชนะ Hugo Drax ผู้ที่จะทำเพื่อให้โลกขึ้นอยู่ในมือของเขาเท่านั้น
การสร้างและการผลิต
การสร้าง "Moonraker" มีการออกแบบเซ็ทที่ผิดปกติและมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยเฉพาะฉากในอวกาศ ภาพยนตร์นี้ได้ลงทุนไปกับเอฟเฟกต์พิเศษในการจำลองสถานการณ์การต่อสู้ในอวกาศที่ถือว่าล้ำสมัยในยุคนั้น นอกจากนี้ยังนำนวัตกรรมทางเทคโนโลยีและอุปกรณ์ในยุค 70 มารวมเข้าในฉากต่างๆ ซึ่งทำให้ผู้ชมต้องตื่นตาตื่นใจกับการนำเสนอของภาพยนตร์
การตอบรับจากผู้ชม
"Moonraker" มียอดขายบ็อกซ์ออฟฟิศที่สูงและได้รับการตอบรับที่แตกต่างกันไปจากนักวิจารณ์และผู้ชมบางคนถึงกระนั้นตัวภาพยนตร์ยังคงดึงดูดให้กับแฟนๆ ของเจมส์ บอนด์ด้วยองค์ประกอบความบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นฉากต่อสู้สุดมันส์ไปจนถึงเรื่องราวที่เต็มไปด้วยการหักมุม
ธีมและองค์ประกอบสำคัญ
หนึ่งในธีมหลักใน "Moonraker" คือการแข่งขันและความพยายามที่จะรักษาความปลอดภัยของมนุษยชาติจากภัยคุกคาม องค์ประกอบเหล่านี้สอดคล้องกับการสร้างชื่อเสียงให้กับสายลับ 007 นอกจากนี้ภาพยนตร์ยังมีการนำเสนอด้านความรักและความสัมพันธ์ระหว่างเจมส์ บอนด์กับตัวละครหญิง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ลังเลในหลายๆ ภาคของแฟรนไชส์
สถานที่ถ่ายทำ
การถ่ายทำส่วนใหญ่เกิดขึ้นในโลเคชั่นที่สวยงาม เช่น:
- ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
- บราซิล
- อวกาศ
สถานที่เหล่านี้ช่วยเพิ่มเสน่ห์และความแตกต่างให้กับภาพยนตร์ในชุดนี้
เพลงประกอบ
เพลงหลักของ "Moonraker" ได้รับการร้องโดยชาร์ลอตต์ สิกฟรีด ซึ่งได้รับการยืนยันว่าเป็นหนึ่งในเพลงธีมที่น่าจดจำที่สุดในประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ ด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยอารมณ์ เพลงนี้ถูกนำเสนอในหลายฉากสำคัญในภาพยนตร์
ผลกระทบและมLegacy
แม้ว่า "Moonraker" จะไม่ใช่ภาพยนตร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในแฟรนไชส์ แต่ก็ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อการพัฒนาภาพยนตร์เจมส์ บอนด์ในอนาคต โดยเฉพาะการนำภาษาหนังสือการ์ตูนของการสร้างอวกาศเข้ามาในแฟรนไชส์ ช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ กับแฟนๆ
บทสรุป
"Moonraker" ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจและสำคัญในประวัติศาสตร์ของเจมส์ บอนด์ และแฟนๆ ยังพูดถึงมันอย่างต่อเนื่องในฐานะของภาพยนตร์ที่นำเสนอทั้งความบันเทิงและความตื่นเต้นกับโลกของการต่อสู้ระหว่างสายลับและผู้ก่อการร้าย การรวมตัวของเทคโนโลยีล้ำสมัยในยุค 70 และบุคลิกภาพของโรเจอร์ มัวร์ ทำให้หนังนี้มีความหลากหลายที่จะดึงดูดผู้ชมทั้งในยุคนั้นและในปัจจุบันอย่างไม่ลดละ
การเหมารวมองค์ประกอบต่างๆ เช่น ความรัก การต่อสู้ และเทคโนโลยี ทำให้ "Moonraker" เป็นผลงานที่ยังคงเป็นที่จดจำในทุกยุคสมัยภาพยนตร์ของเจมส์ บอนด์ และเป็นที่รักของแฟนๆ ทุกคน