ในเรื่อง เจมส์บอนด์ (โรเจอร์ มัวร์) เข้าช่วยเหลือสายลับที่ถูกฝังไมโครชิป ซึ่งส่งผลให้เขากลายเป็นคนบ้าคลั่งและต้องการสร้างหายนะครั้งใหญ่ เจมส์บอนด์จึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหยุดยั้งแผนการร้ายของเขา พร้อมทั้งหาวิธีช่วยเหลือสายลับนั้น โดยการดึงไมโครชิปออกจากร่างกาย ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
หลังจากที่เจ้าหน้าที่สายลับ เจมส์บอนด์ (โรเจอร์ มัวร์) สามารถบุกเข้าไปช่วยเหลือสายลับคนหนึ่งได้ แต่ทว่าสายลับคนนั้นกลับถูกฝังไมโครชิปเอาไว้ที่ร่างกาย อีกทั้งเขายังกลายเป็นผู้บ้าคลั่ง และต้องการที่จะลุกขึ้นมาสร้างหายนะครั้งใหญ่ให้กับโลกใบนี้ จึงทำให้เจมส์บอนด์ต้องพยายามทำทุกอย่างเพื่อยับยั้งแผนการร้ายของสายลับคนนั้นให้ได้ อีกทั้งยังต้องหาวิธีช่วยเหลือสายลับคนนั้น ด้วยการดึงไมโครชิปที่ติดอยู่ในร่างกายของเขาออกมาให้ได้ ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป
ภาพยนตร์ “เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 15: พยัคฆ์ร้ายพญายม” หรือชื่ออังกฤษ “A View To A Kill” เป็นส่วนหนึ่งของแฟรนไชส์เจมส์บอนด์ที่ได้รับความนิยมตลอดกาล และยังคงได้รับการจดจำจนถึงปัจจุบัน ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกสร้างโดยบริษัท Eon Productions ออกฉายเมื่อปี 1985 และเป็นหนึ่งในภาคสุดท้ายที่โรเจอร์ มัวร์แสดงบทเจมส์ บอนด์
ข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์
- ชื่อเรื่อง: A View To A Kill
- ผู้กำกับ: John Glen
- ผู้เขียน: Michael G. Wilson, Richard Maibaum
- วันที่เข้าฉาย: 24 พฤษภาคม 1985
- ระยะเวลา: 131 นาที
- ภาษาที่ใช้: อังกฤษ
- นักแสดงนำ: Roger Moore (เจมส์ บอนด์), Tanya Roberts (Stacey Sutton), Christopher Walken (Max Zorin), Grace Jones (May Day)
- คะแนน IMDb: 6.4/10
เนื้อเรื่องโดยย่อ
ในภาคนี้ เจมส์ บอนด์ถูกส่งไปสืบสวนเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการตายของสายลับบริเตนที่ลึกลับ ซึ่งเขาได้ค้นพบแผนการร้ายของ Max Zorin มหาเศรษฐีที่กำลังพยายามทำลายระบบน้ำในแคลิฟอร์เนียให้ได้ ด้วยเหตุนี้ บอนด์ต้องหาวิธีหยุดยั้งเขา โดยการหาพันธมิตรกับ Stacey Sutton (รับบทโดย Tanya Roberts) ซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจการในสายงานน้ำและมีความรู้เกี่ยวกับการทำงานของ Zorin
ธีมหลักและสถานที่ถ่ายทำ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้นำเสนอธีมเกี่ยวกับการฉ้อฉลและการทรยศ โดยเน้นไปที่กลยุทธ์ในการทำลายล้างซึ่งเผชิญหน้ากับพันธมิตรที่ไว้ใจไม่ได้ภายในองค์กรเอง สถานที่ถ่ายทำของภาพยนตร์ได้แก่ แคลิฟอร์เนีย รวมถึงอาณาจักรและสถานที่สำคัญในปารีส สำหรับมุมกล้องและบรรยากาศที่สวยงามช่วยให้อารมณ์ของเรื่องนี้เข้มข้นยิ่งขึ้น
ความน่าประทับใจของตัวละคร
การแสดงของโรเจอร์ มัวร์ในบทเจมส์ บอนด์เป็นที่พูดถึงมาก เนื่องจากการผสมผสานระหว่างเสน่ห์และอารมณ์ขันในบทบาทนี้ นอกจากนี้ เวลาที่มีการใช้ความสามารถด้านการเทคโนโลยี เช่น การใช้รถซูเปอร์คาร์ที่มีฟังก์ชันต่างๆ ยังทำให้ภาพยนตร์มีสีสันและมิติมากยิ่งขึ้น
การตอบรับและผลสำเร็จ
ภาพยนตร์ A View To A Kill ได้รับการตอบรับที่แตกต่างกันไปจากนักวิจารณ์ โดยมีความนิยมเพิ่มมากขึ้นในช่วงเวลาหลายปีหลังจากการฉาย และได้รับรายได้ประมาณ 152 ล้านดอลลาร์ทั่วโลก แม้บางคนจะมองว่าภาพยนตร์นี้เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงในบทบาทของเจมส์ บอนด์ เนื่องจากเป็นภาคสุดท้ายของโรเจอร์ มัวร์ แต่ก็ยังคงมีแฟน ๆ ที่ชื่นชอบอินทรีย์และกลิ่นอายของภาพยนตร์ยุคนี้อยู่ดี
สรุปและข้อคิด
“เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 15: พยัคฆ์ร้ายพญายม” ถือเป็นอีกหนึ่งภาคที่มีค่าในประวัติศาสตร์ของแฟรนไชส์เจมส์ บอนด์ แม้ว่าจะมีเสียงตอบรับที่หลากหลาย แต่การผสมผสานระหว่างแอ็คชั่น ความตลกขบขัน และแนวขบวนการลับทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของผู้ชมในหลายยุคหลายสมัย
แม้ความนิยมในภาพยนตร์จะลดน้อยลงในบางครั้ง แต่ความสำคัญของ “A View To A Kill” ยังคงสร้างแรงบันดาลใจให้กับภาพยนตร์แอ็คชั่นหลายเรื่องในปัจจุบัน เราไม่สามารถปฏิเสธความสำคัญของเจมส์ บอนด์ในวงการภาพยนตร์และวรรณกรรมที่เชื่อมโยงกัน และทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นหนึ่งในความคลาสสิคตลอดกาลที่โลกจดจำ