“James Bond 007 Licence to Kill เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 16 รหัสสังหาร” เป็นเรื่องราวของเจมส์ บอนด์ (ทิโมธี ดอลตัน) ที่ต้องต่อสู้กับเจ้าพ่อนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ หลังจากเขาจับกุมผู้กระทำผิดหลายคน แต่กลับพบว่าเจ้าพ่อมาเฟียได้ส่งคนมาฆ่าเพื่อนคู่หูของเขา ทำให้บอนด์รู้สึกโกรธแค้นและต้องการจะล้างแค้น แม้เขาจะต้องเผชิญกับอันตรายในการทำภารกิจนี้ก็ตาม เรื่องราวสั้น ๆ ที่พาเราเข้าไปสู่โลกของการแก้แค้นและการต่อสู้ที่บีบคั้นหัวใจ
“James Bond 007 Licence to Kill เจมส์ บอนด์ 007 ภาค 16 รหัสสังหาร” หลังจากที่ เจมส์บอนด์ (ทิโมธี ดอลตัน) ต้องเข้ามารับการต่อสู้กับเจ้าพ่อนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ จนทำให้เขาสามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดมารับโทษได้หลายคน แต่ทว่าหลังจากนั้นเจ้าพ่อมาเฟียคนนั้น ก็ได้ส่งคนมาทำการสังหารเพื่อนคู่หูของเจมส์บอนด์จนเสียชีวิตไป ทำให้เจมส์บอนด์มีความแค้น และต้องการที่จะทำทุกอย่างเพื่อล้างแค้นให้กับการจากไปของเพื่อนคู่หู แม้ว่าเขาจะต้องตกไปอยู่ในความอันตรายก็ตาม
บทนำของภาพยนตร์
เปิดตัวในปี 1989, “Licence to Kill” เป็นภาพยนตร์เบอร์ 16 ของแฟรนไชส์เจมส์บอนด์ ที่กำกับโดย John Glen ภาพยนตร์นี้เห็นได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในแนวทางของเรื่องราวและเนื้อหา เมื่อเปรียบเทียบกับภาพยนตร์ก่อนหน้านี้ และยังคงระบุเรียกว่าเป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอความมืดมนมากกว่า
ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับภาพยนตร์
- ชื่อภาพยนตร์: James Bond 007 Licence to Kill
- ปีที่ออกฉาย: 1989
- ผู้กำกับ: John Glen
- นักแสดงนำ:
- Timothy Dalton (เจมส์ บอนด์)
- Carey Lowell (Pam Bouvier)
- Robert Davi (Franz Sanchez)
- Talisa Soto (Lupe Lamora)
- เวลาทั้งหมด: 133 นาที
- แนวภาพยนตร์: แอ็คชั่น, ผจญภัย, อาชญากรรม
- คะแนน: 6.6/10 (IMDb)
การพัฒนาและเนื้อเรื่อง
“Licence to Kill” นำเสนอการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ทันสมัยกับตัวละครเจมส์บอนด์ เวลาที่ BOND ประสบแรงกดดันในการทำให้ภารกิจสำเร็จ และการเคลื่อนไหวไปที่ไม่ซ้ำซากจำเจซึ่งทำให้มันเป็นหนึ่งในภาคที่มีความแตกต่างอย่างชัดเจนจากภาพยนตร์อื่น ๆ สมควรที่ต้องพิจารณาในเรื่องราวการข้ามเส้นบาง ๆ ระหว่างเรื่องอาชญากรรมและการเมือง
ตัวละครหลัก
ภายในนี้ เจมส์บอนด์มีเพื่อนคู่หูที่ชื่อว่า Felix Leiter (เขียนโดย David Hedgecock) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ CIA ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างภารกิจในประเทศแคริบเบียน โดยที่บอนด์ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องสายงานเกี่ยวกับการค้าเฮโรอีนจากเจ้าพ่อซานเชซ (Franz Sanchez) ที่เล่นโดย Robert Davi
ความขัดแย้งและธีม
ภาพยนตร์ “Licence to Kill” ถือได้ว่าเป็นการตั้งคำถามเกี่ยวกับแนวทางการสร้างภาพยนตร์เจมส์บอนด์ ด้วยการยกเรื่องราวที่เต็มไปด้วยการแก้แค้นและความชั่วร้ายขึ้นมา ภาพยนตร์ทำให้ผู้ชมเห็นถึงความซับซ้อนของมิตรภาพ ความรัก และความเสียใจ การรอสัญญาณแห่งความแข็งแกร่งในมนุษยชาตินั้นก็เป็นหนึ่งในธีที่สำคัญของภาพยนตร์นี้
องค์ประกอบทางเทคนิค
การถ่ายทำภาพยนตร์ “Licence to Kill” ถูกถ่ายทอดในสถานที่ที่หลากหลาย ทั้งในฟลอริด้า สหรัฐอเมริกาและที่ประเทศบาฮามาส เสียงเพลงประกอบภาพยนตร์ถูกสร้างและดำเนินการโดย Michael Kamen ซึ่งช่วยสร้างบรรยากาศที่แตกต่างจากภาคก่อน ๆ อย่างมีเสน่ห์
การกระทำที่ตราตรึงใจ
ฉากแอ็คชันของ “Licence to Kill” ถือว่าเป็นจุดเด่นของภาพยนตร์ ภาพยนตร์นำเสนอการต่อสู้ที่ดุดันและน่าตื่นเต้น โดยมีการไล่ล่าที่เร็วและแรงตามแบบฉบับของแฟรนไชส์ ที่เกี่ยวข้องกับการหลบหนีจากการโจมตีและความซับซ้อนในเรื่องอำนาจ ที่บอนด์ต้องต่อสู้กับ
ผลกระทบเมื่อภาพยนตร์ออกฉาย
สำหรับ “Licence to Kill” ภาพยนตร์นี้ได้รับการวิจารณ์ที่หลากหลาย แต่ดูเหมือนว่าความมืดมนของเรื่องราวและการแสดงของทิโมธี ดอลตันเป็นที่น่าจดจำ ไปจนถึงการเกิดเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงและความละเลยที่ทำให้บางคนมองว่าภาพยนตร์นี้มากเกินไปสำหรับแนวทางทั่วไปของเจมส์บอนด์
มันไม่น่าแปลกใจที่ทั่วโลกมีผู้ชมที่รักในหนังบอนด์เฉพาะบางคนและผู้ที่ไม่ได้ซาบซึ้งกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ นี่คือภาพยนตร์ที่ตีแผ่ถึงความไม่ง่ายของการเป็นสายลับและวิถีชีวิตของบอนด์กำลังถูกท้าทายอย่างเหลือเชื่อ
สรุป
โดยรวมแล้ว “James Bond 007 Licence to Kill” เสนอแง่มุมที่แตกต่างออกไปในแนวทางของบอนด์ ไม่ได้มุ่งหมายแค่การผจญภัยหรือการบู๊เท่านั้น แต่ยังนำเสนอให้เห็นถึงการเลือกรับผิดชอบและความกระตือรือร้นเพื่อในสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับอันตรายก็ตาม ความสำเร็จแสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของบอนด์ในโลกที่มีความซับซ้อนมากขึ้น