“Fast & Furious 8” (2017) เริ่มต้นด้วยความสุขในการฮันนีมูนของ ดอม (วิน ดีเซล) และ เล็ตตี้ (มิเชลล์ รอดรีเกซ) ในคิวบา ซึ่งต้องพังทลายเมื่อเขาได้พบกับ ไซเฟอร์ (ชาร์ลีซ เทรัน) ผู้ก่อการร้ายทางไซเบอร์ ทำให้ดอมทรยศต่อครอบครัวและนำไปสู่การแตกแยกของทีม เพื่อรับมือกับภัยคุกคามที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ลุค ฮอบส์ (ดเวย์น จอห์นสัน) รวมทีมใหม่รวมทั้งอดีตศัตรู เด็คคาร์ด ชอว์ (เจสัน สเตธัม) เพื่อต่อสู้กับไซเฟอร์และฟื้นฟูความสามัคคีในทีม.
The Fate of the Furious 8 (2017) เร็ว แรงทะลุนรก ภาค 8 เป็นภาพยนตร์ที่ถูกคาดหวังอย่างมากจากแฟนๆ ทั่วโลก หลังจากความสำเร็จในภาคก่อนๆ ของแฟรนไชส์ “Fast & Furious” การกลับมาของทีมงานดั้งเดิม เพื่อนำเสนอความตื่นเต้นและสีสันใหม่ๆ ในโลกการแข่งรถและการผจญภัย ที่มีฉากหลังเป็นเมืองที่น่าตื่นตาตื่นใจ เช่น คิวบา นิวยอร์ก และบอกเล่าเรื่องราวที่ซับซ้อนเกี่ยวกับครอบครัว การทรยศ และการต่อสู้กับภัยคุกคามที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เรื่องย่อของ “The Fate of the Furious”
ความเงียบสงบในการฮันนีมูนของ ดอม (วิน ดีเซล) และ เล็ตตี้ (มิเชลล์ รอดรีเกซ) ในคิวบา ต้องพังทลายลงอย่างไม่คาดคิดเมื่อพวกเขาได้พบกับ ไซเฟอร์ (ชาร์ลีซ เทรัน) ผู้บงการก่อการร้ายทางไซเบอร์ ไซเฟอร์คุกคามให้ดอมทรยศต่อครอบครัวและเพื่อนร่วมทีมของเขา ในขณะที่โลกภายนอกต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่น่าสะพรึงกลัว ดอมได้ทำให้ความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของทีมแยกย้ายกัน จากนั้น ลุค ฮอบส์ (ดเวย์น จอห์นสัน) จึงต้องรวบรวมทีมรวมถึง เล็ตตี้ (สกอตต์ อีสต์วูด), โรมัน (ไทรีส กิบสัน), เทจ (ลูดาคริส), และ แรมซีย์ (นาตาลี แอมานุแอล) เพื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันตรายนี้
การพบเจอกับอดีตศัตรู
แม้ทีมจะไม่ค่อยเห็น eye-to-eye กับอดีตศัตรูอย่าง เด็คคาร์ด ชอว์ (เจสัน สเตธัม) แต่ในสนามรบครั้งนี้ ทุกคนต้องร่วมมือกันเพื่อโค่นล้มไซเฟอร์และหยุดยั้งแผนการของเธอ ขณะที่พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ยากลำบากและความตายที่รออยู่รอบตัว
ข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์
- ชื่อเรื่อง: The Fate of the Furious
- ชื่อภาษาไทย: เร็ว แรงทะลุนรก ภาค 8
- ปีที่ฉาย: 2017
- ผู้กำกับ: F. Gary Gray
- นักแสดงหลัก: Vin Diesel, Dwayne Johnson, Jason Statham, Michelle Rodriguez, Tyrese Gibson, Charlize Theron, Ludacris, Nathalie Emmanuel
- คะแนนจาก IMDb: 6.7/10
- เวลาฉาย: 136 นาที
การวิเคราะห์และความสำเร็จของภาพยนตร์
ตั้งแต่ต้นจนน้ำ ถึงพวกเรามีเหตุการณ์การแข่งรถ, การดวลปืน, การต่อสู้ และความตลกขบขันที่มีเอกลักษณ์ ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้แฟนๆ รู้สึกตื่นเต้นและสนุกสนาน การสร้างโลกของ “Fast & Furious” ได้ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตรงกับความสนใจและความคาดหวังของผู้ชมในยุคนี้ นอกจากนี้ การเปลี่ยนแปลงฟรีของเรื่องราวทำให้รู้สึกว่าแม้จะเป็นภาพยนตร์ภาคต่อ แต่ก็ยังมีความใหม่และสดใหม่ ไม่ซ้ำซาก
เทคนิคการสร้างภาพยนตร์ที่น่าทึ่ง
การใช้ CG (Computer Graphics) และการถ่ายทำในสถานที่จริง ทำให้แต่ละฉากมีความสมจริงและน่าตื่นตาตื่นใจ ผู้ชมจะได้เห็นการแข่งรถที่ไม่อาจลืมเลือน รวมถึงการกระทำที่มนุษย์สามารถทำได้ในแต่ละฉาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉากที่มีการไล่ล่าที่แสดงให้เห็นถึงความรวดเร็วและทักษะของนักขับ
มุมมองเกี่ยวกับเรื่องของครอบครัวและความภักดี
“The Fate of the Furious” ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องราวของการแข่งรถและการต่อสู้ แต่ยังตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ภายในครอบครัว ภาพยนตร์ได้สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงแนวคิดเกี่ยวกับการทรยศและการให้อภัย นอกจากนี้ยังนำเสนอว่าแม้จะมีความขัดแย้ง ทีมก็ยังคงต้องยืนหยัดอยู่เคียงข้างกัน เพื่อสู้กับภัยคุกคามที่จะทำลายอนาคต
บทสรุป
The Fate of the Furious 8 นั้นไม่เพียงเป็นแค่ภาพยนตร์บันเทิง แต่ยังได้นำเสนอเรื่องราวของความเป็นหนึ่งเดียวกัน แม้ในเวลาที่เต็มไปด้วยความยากลำบาก ผู้ชมสามารถเห็นถึงการเจริญเติบโตของตัวละครและความสามารถในการเอาชนะความทุกข์
โดยรวมแล้ว ภาพยนตร์นี้ถือเป็นหนึ่งในภาคที่ดีที่สุดของแฟรนไชส์ “Fast & Furious” ที่สามารถคว้าความสนใจทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกได้อย่างดีเยี่ยม นำเสนอความตื่นเต้นและการผจญภัยในรูปแบบที่สมบูรณ์แบบ พร้อมทั้งส่งเสริมแนวคิดเกี่ยวกับครอบครัวและการให้กำลังใจในยามยากลำบาก