เรื่องราวของเอมี่ (เอมี ชูเมอร์) หญิงสาวที่ไม่เชื่อในความรักและมักบอกเลิกผู้ชายก่อนเสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงความผูกพัน เป้าหมายชีวิตของเธอคือการสนุก แต่แล้วเธอก็ได้พบกับคุณหมอหนุ่มสุดหล่อ แอรอน (บิล เฮเดอร์) ที่ไม่ยอมแพ้ในการจีบเธอ เมื่อเวลาผ่านไป ความรักและการกระทำที่มั่นคงของแอรอนทำให้เอมี่เริ่มเปลี่ยนมุมมองและเปิดใจให้กับเขา ลุ้นกันว่าเรื่องรักของทั้งสองจะพัฒนาไปอย่างไรในครั้งนี้
เรื่องราวของ เอมี่ (เอมี ชูเมอร์) หญิงสาวที่ไม่เชื่อมั่นในความรัก เธอไม่เชื่อว่าบนโลกใบนี้จะมีความรักที่มั่นคงอยู่จริง ในทุกครั้งที่เธอมีความสัมพันธ์ก็จะชิงบอกเลิกผู้ชายเหล่านั้นก่อนเสมอ ซึ่งเป้าหมายในการใช้ชีวิตที่เธอต้องการคือความสนุกที่ไม่มีการผูกมัด แต่แล้วในวันหนึ่งที่เธอได้บังเอิญมารู้จักกับคุณหมอหนุ่มสุดหล่อ แอรอน (บิล เฮเดอร์) ที่เขาพยายามตามจีบเธออย่างไม่ลดละ จนเมื่อเวลาผ่านไปการกระทำหลายๆอย่างของแอรอนก็เริ่มทำให้เอมี่มีมุมมองความคิดที่เปลี่ยนไป เพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาทำทุกอย่างอย่างเสมอต้นเสมอปลาย มันจึงทำให้เธอต้องการที่จะลองเปิดใจให้กับเขาดูสักครั้ง และมาดูกันว่าความรักในครั้งนี้จะไปได้ไกลสักแค่ไหน
ภาพยนตร์ “Trainwreck” ออกฉายเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2015 ในสหรัฐอเมริกา ภายใต้การกำกับของ จุดุส ชอว์ (Judd Apatow) ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการสร้างภาพยนตร์แนวตลกที่มีสาระ โดยในภาพยนตร์นี้ เอมี ชูเมอร์ ได้นำเสนอเรื่องราวความรักที่ทั้งสนุกสนานและจริงจัง ที่ไม่เพียงแต่ให้ความบันเทิง แต่ยังสร้างกระแสการพูดคุยถึงประเด็นความสัมพันธ์ในยุคปัจจุบัน
คาแรคเตอร์ที่น่าจดจำ
เอมี ชูเมอร์ รับบทเป็น เอมี่ ซึ่งเป็นตัวละครที่มีชีวิตชีวาและมีความเป็นตัวของตัวเองอย่างชัดเจน เธอแสดงออกถึงความสนุกสนานและไม่แคร์ในเรื่องความรัก นอกจากนี้ บิล เฮเดอร์ ในบทคุณหมอแอรอนคือคนที่ทุ่มเทและจริงใจ ทำให้เอมี่เริ่มเปลี่ยนแปลงมุมมองและความคิดของเธอในเรื่องความรัก
การแสดงของนักแสดง
นักแสดงทั้งสองได้แสดงออกถึงเคมีที่น่าทึ่ง สร้างช่วงเวลาที่ตลกและเข้าถึงอารมณ์อย่างลงตัว นอกจากเอมี ชูเมอร์ และบิล เฮเดอร์ ยังมีนักแสดงอย่าง เลน่า ดันแฮม และ คอลลินน์ พอร์ตแมน ที่ช่วยเสริมสร้างสีสันให้กับภาพยนตร์ นำเสนอความขัดแย้งและความแข็งแกร่งของมิตรภาพ
รูปแบบการเล่าเรื่อง
การเล่าเรื่องใน “Trainwreck” ใช้เทคนิคการเล่าเรื่องแบบไม่เป็นระเบียบ ราวกับการเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นตามเวลาและสถานการณ์ ทำให้ผู้ชมรู้สึกมีส่วนร่วมในอารมณ์ของตัวละคร การพลิกพลิกกลับเรื่องราวในช่วงท้ายที่ทำให้ผู้ชมต้องตื่นเต้นและคาดหวังอย่างต่อเนื่อง
สาระสำคัญที่ซ่อนอยู่
แม้ว่าภาพยนตร์นี้จะมีแนวตลกแต่มันก็ทำให้ผู้ชมได้คิดถึงความรักที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง ความผูกพันและการเปิดใจให้กับคนอื่น แม้จะเผชิญอุปสรรคต่างๆ ตั้งแต่ความกลัวในการเปิดเผยความรู้สึก จนไปถึงการเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงในชีวิต
เหตุการณ์สำคัญในหนัง
สิ่งที่น่าจดจำในหนังคือเส้นทางชีวิตของเอมี่ที่เต็มไปด้วยการค้นหา ก่อนที่เธอจะพบความรักที่แท้จริงในตัวแอรอน ขณะเดียวกันตัวละครแอรอนก็เป็นตัวอย่างที่ดีในการแสดงให้เห็นถึงความรักที่บริสุทธิ์และไม่ต้องการผลตอบแทน
ผลกระทบที่มีต่อผู้ชม
ภาพยนตร์ “Trainwreck” ไม่เพียงแต่ให้ความสนุกสนาน แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความจริงของความรักในยุคสมัยนี้ นอกจากนี้ ยังสร้างแรงบันดาลใจในการเปิดใจให้กับความรักอย่างจริงจัง และอาจทำให้ผู้ชมหลายคนมองเห็นค่าในความรักที่มักจะถูกมองข้ามไปในชีวิตประจำวัน
ข้อมูลเกี่ยวกับภาพยนตร์
- ชื่อเรื่อง: Trainwreck
- วันฉาย: 17 กรกฎาคม 2015
- ผู้กำกับ: Judd Apatow
- นักแสดงนำ: Amy Schumer, Bill Hader, Brie Larson, Colin Quinn, John Cena
- ระยะเวลา: 125 นาที
- เรต R: เนื้อหาเกี่ยวกับผู้ใหญ่และภาษาไม่สุภาพ
- คะแนนจาก IMDb: 6.2/10
ด้วยความสำเร็จที่ได้รับอย่างมาก มันทำให้ “Trainwreck” กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีความสำคัญในวงการภาพยนตร์คอมเมดี้ ซึ่งสร้างสรรค์เรื่องราวที่มีหัวใจให้กับผู้ชมทั่วโลกและทำให้เราต้องทบทวนความสัมพันธ์ในชีวิต
ในที่สุด “Trainwreck” ไม่เพียงแต่เป็นภาพยนตร์คอมเมดี้ที่จะทำให้คุณหัวเราะ แต่ยังมีข้อความที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับความรักและการใช้ชีวิตที่สมดุลย์ แม้ว่าเอมี่จะไม่เชื่อในรักที่มั่นคง แต่การเดินทางที่เธอต้องเผชิญทำให้ผู้ชมสามารถค้นพบสรุปว่า ความรักที่จริงใจสามารถเปลี่ยนชีวิตเราได้เสมอ